ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ํา (เลี้ยงผีฝาย)

ประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ําเปนประเพณีที่แสดงถึงความกตัญูตอแมน้ําลําธารที่มีตอการทํามาหากิน
ของชาวบานโดยเฉพาะในเขตอําเภอทุงหัวชาง อําเภอบานโฮง อําเภอลี้ อําเภอบานธิ ในจังหวัดลําพูน
เนื่องจากประชากรสวนใหญยังมีอาชีพการเกษตรเป นหลัก จึงตองมีการพึงพาอาศัยน้ําจากแมน้ําลําธารในการทําการเกษตร
คําวา ผี หมายถึง คงหมายถึงวิญญาณหรือสิ่งที่สิงสถิตอยูในที่นั้นๆ
คําวา ขุน หมายถึง ความเปนใหญ ตนตอ ประธานหรืออารักษ
คําวา น้ํา มีความหมายเปนที่รูจักกันดีแลว แตในที่นี้หมายเอาแมน้ําลําคลอ ง เหมืองฝาย
เพราะฉะนั้น คําวา “ผีขุนน้ํา”หมายถึง สิ่งที่สถิตอยูตามตนน้ําลําธาร หรืออารักษตนน้ําลําธารอันมีหนาที่
ปกปองรักษาตนน้ําลําธารนั่นเอง ตัวอยาง เชน อารักษแมปง หรือขุนน้ําแมปง
การจัดพิธีเลี้ยงผีขุนน้ําสวนใหญจะจัดขึ้นในเดือนเกา  (มิ ถุนายน) หรือบางหมูบานจะมีการทํากอน
การทํานาเปนประจําทุกป กอนทําการเลี้ยงตองมีการประชุมกันกอนระหวางลูกเหมือง (หมายถึง ผูที่ใชน้ํา
ในแมน้ําลําธารนั้นๆ ทําการเกษตร ) เมื่อประชุมตกลงกันและหาฤกษงามยามดีกันเปนที่เรียบรอยแลวก็จะมีการเรี่ยไรเงิน เพื่อจัดซื้อ เครื่องสังเวยตางๆ ซึ่งประกอบดวย เทียน 4 เลม ดอกไม 4 สวย (กรวย) พลู 4 สวย หมาก 4 ขดหรือ 4 กอม ( 1 ขดเอามาตัดครึ่งเทากับ 1 กอม) ชอขาว (ธง) 8 ผืน มะพราว 2 คะแนง กลวย 2 หวี ออย 2 เลม หมอใหม 1 ใบ แกงสมแกงหวาน หัวหมู ไกตม สุรา และโภชนาหาร 7 อย าง รวมทั้งเมี่ยงและบุหรี่ เปนตน
      ในการประกอบพิธีบวงสรวงเซนไหวผีขุนน้ํา เนื้อสัตวคือเครื่องเซนไหวสําคัญที่หัวหนาเหมืองฝาย
พรอมกับสมาชิกจะตองเตรียมไว ซึ่งจํากัดเพียง 3 ชนิดเทานั้น ในแตละปจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เชน ปนี้เซนไหวดวยหมู ปหนาจะต องเปนไก และปตอไปก็ตองเปนวัว
เชาตรูของวันแรม  ๙ ค่ํา เดือน ๙ แกฝายพรอมดวยพรอมสมาชิกที่ไดรับมอบหมายใหจัดทําเครื่อง
บวงสรวง จะตองไปถึงจุดน้ําหมายกอน เพื่อจัดการฆาสัตวที่จะนําไป เซนไหว หลังจากชําแหละแลวก็ชวยปรุงอาหารทําเปน 2 ประเภท คือทําแกงหนึ่งอยาง ชาวบานเรียกวา”แกงออม”และทําลาบดิบอีกอยางหนึ่งสวนที่เหลือก็จะเซนไหวเปนเนื้อสด ทําเหมือนกันทั้ง 3ชนิด ไมวาจะเปนเนื้อวัว หมูหรือไก
เมื่อจัดการแตงดาเครื่องสังเวยพรอมแลว ก็ทําชะลอมขึ้น  3 ใบ สําหรับใสเครื่องสังเวยตางๆที่
จัดเตรียมไว ชะลอม 2 ใบแรกใหคนหาบไป สวนใบที่ 3 นั้นใหคอนไป แลวใหทําศาลขึ้นหลังหนึ่ง ณ ที่ตนน้ําลําธารสําหรับที่จะเลี้ยงนั้น ประกอบดวยหลักชางหลักมา ปกอยูใกลๆศาลแลวนําเอาเครื่องสังเวยตางๆขึ ้นวางบนศาลนั้น แลวทําพิธีกลาวอัญเชิญเทวดาอารักษตลอดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผี สางตางๆอันประจํารักษาอยู่ณ ตนน้ําลําธารที่นั้นใหไดรับรูแลวมารับเอาเครื่องสังเวยตางๆ ตลอดจนของใหสิ่งศักดิ์สิทธิ์อํานวย  อวยพรใหมีน้ําอุดมสมบูรณ มีฝนตกตองตามฤดูกาล ซึ่งกลาวเปนภาษาเหนือวา  “ขออัญเจินผีแพะผีปา ขุนหลวงมะลังกะ แมธรณี เจาตี้เจาดิน  เทวดาอารักษตังหลายอันปกปกรักษายังปาไมตนน้ําลําธาร เหมืองฝาย ภูผาปูดอย จุงชวยปลอยน้ําปลอยฝนตกลงมาหื้อชาวบานชาวเมือง สัตวตั๋วหนอยตั๋วใหญ สัพพะทั้งหลายจุงหื้อมีน้ํากินน้ําใช หื้อพิซซะขาวกลาจุงปนอุดมสมบูรณงามดี อยาไดมีศัตรูหมู ของรานมากวนมาควีแตเตอะ ”เปนตนตอจากนั้นพอตั้งเครื่องสังเวยมานานพอสมควรแลว สมมุติวาเจาที่เจาทาง ผีสางอารักษทั้งหมายรับเครื่องสังเวยอิ่มแลวก็นําเอาเครื่องสังเวยเหลานั้นมาแบงปนกันกินตอไปเปนเสร็จพิธี พิธีกรรมเลี้ยงผีขุนน้ําของชาวอําเภอบานธิมี ความแตกตางไปจากพิธีกรรมขางตน ซึ่งจากคําบอกเลาของผูเฒาผูแกในหมูบานไดเลาวา
      จุดเลี้ยงผีขุนน้ําในสมัยโบราณจะเปนตนไฮ  (ตนไทร) ในปจจุบันจะอยูตรงบริเวณกึ่งกลางของสันเขื่อนของอางเก็บน้ําแมธิ ในการประกอบพิธีจะเริ่มขึ้นเชาตรูของวันแรม  9 ค่ํา เดือน 9เมื่อทุกคนพรอมกันที่จุดหมาย  “ปูจาน”(อาจารย /ผูนําในการประกอบพิธีกรรม) จะประกอบพิธีขึ้นทาวทั้งสี่ หรือที่ชาวบานเรียกวา  “เตาตังสี่ ”ซึ่งประกอบดวย สะตวง จํานวน  6 อัน สะตวงทําดวยกาบกลวย ตัดยาวประมาณ 4 นิ้วทําเสาปกตรงกลาง สูงพอประมาณ สามารถที่ตะวางกระทงเย็บเหลี่ยม ทําดวยใบตองกลวยแลวปกลงพื้นดินในจุดบริเวณทําพิธี ดังภาพ

      สะตวงหมายเลข 5 เปนสะตวงที่เรียกวา หอพระอินทร มีสัญลักษณคือปกดวยฉัตรทรงกลมสีเขียว
ในกระทง ใสขางเหนียวเปนลูกกลมๆพรอมดวยกลวยสุก  1 ลูกสะตวงหมายเลข 6 เปนสะตวงสําหรับอัญเชิญเทพทั้งสี่ คือ เทวดาที่รักษาน้ํา รักษาปา รักษาดินแดนและอากาศ ใหมารับรูถึงการประกอบพิธีของชาวบานเมื่อทําพิธีขึ้นทาวทั้งสี่ แลว ปูจาน ก็จะให แกฝาย(หรือหัวหนาเหมืองฝาย ผูนําที่ตองรับผิดชอบประเพณีเลี้ยงผีขุนน้ํา ) นําเครื่องเซนไหว ประกอบดว ย เนื้อสัตวทั้งสุกและดิบ สุรา  2 ขวดขึ้นไป วางไวบนแครที่จัดทําไว ปูจาน จะจุดเทียนทั้ง  2 เลม ซายขวา จุดธูป 1 กํามือ แจกจายใหผูเขารวมพิธีนํามาปกไวตรงกลางระหวางเทียนทั้ง  2 เลม การปกเทียน ธูป ทั้งสามจุดนี้มีความหมายถึง ใหความเคารพและระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เมื่อจุดเทียนธูปแลว ปูจานจะกลาวคําอัญเชิญเทวดา เพื่อใหมาชุมนุม รับเครื่องเซนไหวของชาวบาน เมื่อจบแลวกลาวคําแผเมตตา เปนการเสร็จพิธีของปูจาน ชาวบานที่เขารวมพิธีจะรอจนกระทั่งเทียนที่จุดไวใหเหลือพอประมาณ ก็อถือวาเทวดาหรือผีขุนน้ําอิ่ม ชาวบานที่เขารวมพิธีก็จะนําเครื่องบวงสรวงมาแบงกัน ทําอาหารและรับประทานรวมกัน ถืออันเปนเสร็จสิ้นประเพณีการเลี้ยงผีขุนน้ํา
            ดังนั้นจะเห็นวาประเพณีการเลี้ยงฝายหรือผีขุนน้ํานี้ นอกจากจะมีความสําคัญในดานเปนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ทําใหเกษตรกรเ กิดกําลังใจในการทําการเกษตรแลว ยังชวยปลูกจิตสํานึกใหเกษตรเห็นความสําคัญของแหลงตนน้ําลําธาร ชวยกันดูแลรักษาไมใหแหลงตนน้ํานั้นถูกทําลาย รวมถึงรักษาระบบนิเวศอื่นๆที่มีผลตอตนน้ําลําธารนั้นดวย เชน ไมตัดไมทําลายปา ไมทําไรเลื่อนลอย ไมเผาปา เปนต น ทําให้สิ่ งมีชีวิตตางๆในระบบนิเวศเหลานี้ไมถูกทําลายไปดวย เนื่องจากพิธีกรรมดังกลาวทําใหเกษตรกรเกิดความกลัววาจะไดรับเคราะหกรรมหรือถูกลงโทษจากเทพยดาฟาดินที่ปกปองดูแลแหลงน้ําอยู จึงไมกลาทําลายแหลงตนน้ําลําธาร ดังนั้นจะเห็นวาบางพิธีกรรมหรือบางประเพณีตางๆ ที่ เกี่ยวของกับการทําการเกษตรที่มีสืบทอดมาตั้งแตอดีตนั้นมีประโยชนตอการรักษาระบบนิเวศ ชวยใหคนไมทําลายระบบนิเวศและยังชวยใหคนดูแลรักษาระบบนิเวศนี้ใหคงอยูดวย

ศูนย์ข้าวชุมชน

         ข้าวจัดเป็นอาหารหลักของคนไทย และยังเป็นอาชีพของเกษตรกรชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันประเทศไทยนอกจากจะผลิตข้าวเพื่อการบริโภคในประเทศแล้ว ยังมีการส่งออกข้าวเพื่อไปจำหน่ายยังต่างประเทศกันอีกด้วย และข้าวของประเทศไทยก็เป็นข้าวที่ชื่อเสียงอยู่หลายชนิด โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิของประเทศไทยจะเป็นข้าวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ
http://www.farmthailand.com/1053

วิธีการปลูกผักหวานป่า การปฏิบัติดูแล และ เพาะเมล็ดผักหวานป่าในพื้นที่ราบ

ผักหวาน โดยส่วนมากเรารู้จัดกันแต่ผักหวาน แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่ามีผักหวานกี่ชนิด ซึ่งที่อร่อยและมีราคาแพงก็จะเป็น ผักหวานป่า ป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ต้นที่โตเต็มที่อาจสูงถึง 13 เมตร 
ส่วนที่พบโดยทั่วไปที่นำมาปลูกจะอยู่ที่ขนาดเล็ก หรือเป็นไม้พุ่ม เนื่องจากมีการหักกิ่งเด็ดยอดเพื่อกระตุ้นให้เกิดกิ่งและยอดอ่อนซึ่งเป็นส่วนที่ใช้บริโภค 
http://www.farmthailand.com/webboard/forum.php?mod=viewthread&tid=183